(1) ก่อนนี้เคยฝันบ่อยๆว่าเดินหาทางกลับบ้านไม่ถูกซะที – 0403-1407
เมื่อก่อนนี้ชอบฝันว่าไม่สามารถจะเดินทางกลับบ้านได้เลย
ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง และจะเป็นการใช้เท้าเดินด้วย
ไม่มีการขึ้นรถหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น ทั้งๆที่
ความเป็นจริงแล้วบ้านของเราเองแท้ๆ มันน่าที่จะหลับตาเดิน
ก็ต้องกลับบ้านได้แน่นอน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย ซึ่งก็ไม่
เข้าใจ
แม้ว่าในฝันนั้นจะผ่านสถานที่ต่างๆที่ไม่เคยพบและเคยพบ
จริงบนโลกใบนี้ และยังเคยเห็นด้วยว่ามีคนเดินกันอยู่ผลุกผล่าน
ในสถานที่ที่มีจริงๆ แต่ในฝันมันกลับมีคนเดินอยู่เพียงคนสองคน
บางทีก็เดินไปเจอทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะไปทางไหนดี
และยังเจอคนที่ทางแยกนี้ด้วย ซึ่งบางคนตรงนั้ก็เดินไปโดยไม่
คิดที่จะตัดสินใจอะไรเอาเลย
บางครั้งก็เจอพระ วัด และพระพุทธรูปในฝันนั้น และบางครั้งก็ดู
จะน่ากลัวมาก และบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่ามีสิ่งเหล่านี้ในฝันเพื่ออะไร
คืองงมากเลย
และที่แน่ๆในการเดินกลับบ้านนี่ทุกครั้งในฝันจะต้องมีการพบ
เจอกับอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับนํ้าเข้ามาร่วมอยู่ด้วยเสียทุกครั้งไป
ซิน่า ไม่ว่าจะนํ้าท่วมหรือฝนตกหนัก และถ้าเป็นนํ้าท่วม นํ้าที่ท่วม
นั้นมันจะมีสีเขียวเหมือนกับสีนํ้าในมหาสมุทร ก็ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่
ได้อยู่ในฝันและที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มันหมายถึงอะไรในขณะนั้น
แต่ก็ยังเป็นฝันที่จำมันได้ไม่เคยลืม ทั้งที่น่าจะลืมเมื่อตื่นนอนจาก
ฝันขึ้นมาแล้ว แถมบางทียังฝันซำอีก หรือต่อเนื่องเป็นตอนหนึ่ง
ตอนสอง(อย่างกับดู VCD เลย)
แต่เดี๋ยวนี้ก็ไม่เคยฝันแบบนี้อีกแล้ว ซึ่งอาจจะหมายความว่าเรา
คงแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นได้เรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ (ไม่ได้นึก
เข้าข้างตัวเองเลยนะ)
พอมาตอนนี้ก็ลองมานึกทบทวนดูว่าทำไมถึงฝันเช่นนี้บ่อยๆเมื่อ
ก่อนนี้ ก็เลยคิดได้ว่าในฝันมันคือลางบอกเหตุในตัวเราว่าเรากำลัง
หลงทางทำอะไรที่ผิดในชีวิตของเราอยู่หรือเปล่านั่นเอง แต่มาคิด
ได้เอาตอนนี้อะไรบางเรื่องมันก็สายไปแล้วที่จะแก้ไข แต่ก็มีบาง
เรื่องที่ได้แก้ไขได้ทันท่วงที
แต่ก่อนก็ไม่เคยเชื่อเรื่องความฝันซึ่งเป็นลางบอกเหตุ เพราะคิด
ว่าฝันก็คือฝัน มันไม่น่าจะเป็นจริงไปได้ แต่ตอนนี้ก็เชื่อแล้วว่ามัน
เป็นจริง เพราะฝันนี้มันติดอยู่ในใจไม่เคยลืมมันเลย
ไม่เพียงแต่ฝันแบบนี้ แม้ว่าจะเป็นฝันแบบอื่นๆก็น่าจะเป็นลาง
บอกเหตุได้เช่นกัน อันนี้ก็สุดแล้วแต่ว่าใครจะพบเจอ ถ้าใครเจอ
ก็จะเชื่อ ถ้าใครไม่เจอก็จะไม่เชื่อ
ที่เล่ามานี่ก็อยากจะบอกว่าถ้าใครเคยฝันแบบนี้ก็ให้ลองสำรวจ
ตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรผืดในชีวิตจริงของเราเองอยู่หรือเปล่า
ถ้าค้นได้เจอแล้ว และถ้าไม่สายเกินจะแก้ไขก็ควรที่จะแก้ไข อย่า
ปล่อยให้มันเลยตามเลยผ่านไป เพราะบางทีมันอาจจะกลายเป็น
แผลในใจเราในวันหลังก็ได้ จริงอยู่วันนี้เราอาจจะไม่รู้สึกหรอก
เพราะเรามีอัตตาสูง แต่ถ้าเรามีอายุมากขึ้น เราจะรู้เลยว่าสิ่งต่างๆมัน
จะถูกผลุดขึ้นมาในชืวิตเรา และถ้ามันไปจุดใต้ตำตอตรงเรื่องที่เขา
เคยได้มาเตือนเราแล้ว แล้วเราละเลยไปล่ะ คิดว่าวันนั้นต้องเสียใจ
อย่างแน่นอน
เพราะโลกแห่งความจริง บางครั้งสิ่งดีๆที่ผ่านมาถึงเราแล้ว แต่เรา
ทำไม่สนใจ บางทีสิ่งดีๆเหล่านี้มันอาจจะไม่เวียนวนมาพบกับเราอีก
ก็ได้ เพราะสิ่งดีๆมันไม่ใช่หนังเรื่องเก่าที่มีโอกาสเวียนกลับมาฉาย
ใหม่ได้ แต่ถ้าใครมีโอกาสได้สิ่งดีๆกับมาสู่เราอีกครั้ง ก็ควรจะรีบรับ
มันไว้และอย่าได้ละเลยมันอย่างที่มันเคยมาถึงเราในหนแรก
ลองตีตวามฝันของตัวเองที่ว่ามาแล้วนี้ดู ก็น่าจะได้เป็นดังนี้…
การเดินทางกลับบ้านไม่ถูก = หลงทางหรือทำอะไรที่ผิดอยู่ในชีวิตจริงอย่างแน่ๆเลย
ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง ยิ่งเดินก็ยิ่งหลง = ทำผิดแล้วก็ยังทำผิดอีกอยู่นั่น ไม่คิดที่จะแก้ไข
หรืออาจจะหาทางแล้ว แต่ไม่มีทางออกให้เราเลยก็เป็นได้ทั้งในฝันนั้นและเรื่องจริง
เดินด้วยเท้า = ถ้าทำผิดหรือต้องการแก้ไข ต้องทำด้วยตัวของเราเองเท่านั้น คือ
ทุกอย่างมันเริ่มขึ้นที่ตัวของเราเอง มันก็ต้องจบลงที่ตัวของเราเองเช่นกัน
ไม่มีรถหรือสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น = ไม่มีความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น
ทั้งการทำผิดหรือจะการแก้ไขความผิดที่ทำตรงนั้น
สถานที่ที่ไม่เคยพบ = หลงเดินทางผืดทั้งๆที่เราไม่เคยทำหรือไม่รู้ตัวมาก่อน
สถานที่ที่เคยพบจริงแต่กับมีคนเดินเพียงคนสองคน = ในการหลงผิดทั้งๆที่รู้อยู่
นั้น ก็ยังมีคนทีหลงผิดอย่างเราก็เพียงแค่คนหรือสองคนเท่านั้นเอง
เดินไปเจอทางแยกที่ต้องตัดสินใจ = เป็นหนทางที่เป็นทางออกสำหรับผู้ที่หลงผิด
แต่จะต้องเลือกทางให้ถูกต้อง ซึ่งเราก็ไม่มีทางรู้ว่ามันถูกต้องหรือเปล่า แต่ยังดีที่
มีทางให้เลือกเดิน อันนี้ก็สุดแล้วแต่บุญกรรมของเราเอง ถ้าเลือกผิดก็ถลำผิดไป
อีก แต่ถ้าเลือกถูกมันก็จะค่อยๆพบทางกลับบ้านของเราเองจนได้
บางคนที่พบทางแยกนั้ก็เดินไปโดยไม่คิดที่จะตัดสินใจอะไรเอาเลย = หลงผิดแล้ว
ไม่คิดจะเลือกทางเดินเพื่อเป็นการกลับลำมาให้ถูกต้องนั่นเอง ยังทำไปทั้งที่รู้ว่าผิด
หรือบางทีอาจจะไม่อยากคิดแล้วเพราะถอดใจไปแล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดนั่นเอง
บางครั้งก็เจอพระ วัด และพระพุทธรูปในฝันนั้น แต่ดูน่ากลัวมาก = เราได้ทางออก
แห่งชีวิตโดยใช้หลักธรรมะเข้าช่วย ถ้ากลับตัวกลับใจได้ก็จะหาทางกลับบ้านได้แน่
นอน
ที่ว่าน่ากลัวมาก = แสดงว่าเราอาจจะทำผิดมากในชีวิตจริงขณะนั้นก็เป็นได้ เพราะ
พระ วัด และพระพุทธรูป ในโลกแห่งความเป็นจริงต้องน่าศรัทธาเลื่อมใสมากกว่า
ที่จะน่ากลัวจนตัวสั่น คิดว่าท่านคงมาเตือนเราแน่นอนเลย
มักพบเจออุปสรรคนํ้าท่วม หรือ ฝนตกหนัก = อุปสรรคที่มีเกิดขึ้นในฝันนั้น มันดูออ่น
ไหวแต่กับหนักหน่วงและยุ่งยากเวลาที่จะแก้ไข เพราะนํ้ามันดิ้นไปได้ทุกๆสถานการณ์
นํ้าที่ท่วมนั้นมันจะมีสีเขียวเหมือนกับสีนํ้าในมหาสมุทร = มันมีปํญหาที่ใหญ่หลวง
ที่เรากำลังหลงผิดอยู่ตรงนั้นนั่นเอง แล้วเราจะเอาตัวเรารอดพ้นจากปัญหาที่ตรงนั้น
ได้หรือเปล่าโดยที่ไม่มีความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น ตรงนี้นึกถึงเพลงเก่าของ Simon
and Garfunkgel – Bridge Over Trouble Water (สะพานข้ามห้วงมหรรณพ)
Bridge Over Trouble Water (สะพานข้ามห้วงมหรรณพ)
When you’re weary, feeling small
When tears are in your eyes, I will dry them all
I’m on your side when times get rough
And friends just can’t be found
[Chorus]
Like a bridge over troubled water
I will lay me down
Like a bridge over troubled water
I will lay me down
When you’re down and out
When you’re on the street
When evening falls so hard
I will comfort you
I will take your part when darkness comes
And pain is all around
[Chorus]
Sail on silver girl
Sail on by
Your time has come to shine
All your dreams are on their way
See how they shine
If you need a friend
I’m sailing right behind
[Chorus]
เรื่องนี้ขอจบแค่นี้ก่อน เดี๋ยวมีเวลาจะมาเขียนฝันเรื่องใหม่ต่อ
ท่านผู้ใดที่ได้อ่าน Blog ข้างบนนี้แล้ว กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ อยากรู้ว่าพวก
ท่านมีความคิดอย่างไรเกี่ยวกับความฝันซึ่งเป็นลางบอกเหตุนี้ หรือถ้าท่านมีฝันทำนองเดียว
กันจะมาเล่าสู่กันฟัง ก็เชิญเลยนะครับ ถือว่าแบ่งปันความรู้จากประสพการณ์กัน